วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ก้างปลา ติดคอ


ใครที่เคยมีประสบการณ์        
ก้างปลา” ติดคอ คงจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี ว่าการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นอย่างไร แค่จะกลืนน้ำลายตัวเองสุดแสนจะทรมาน บางรายโชคดี ใช้วิธีดื่มน้ำเยอะ ๆ หรือ กลืนข้าวคำโต ๆ แล้วได้ผล แต่หลายคนใช้สารพัดวิธีก็ไม่หาย สุดท้ายต้องโร่ไปให้หมอช่วยเอาออกก็เยอะ

ดังนั้นเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ผู้เขียนจึงมาสัมภาษณ์ ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน สาขาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล



ผศ.นพ.ปารยะ อธิบายว่า ก้างปลาติดคอพบได้ทุกช่วงอายุ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการศึกษาว่าเป็นช่วงอายุใดมากที่สุด และเป็นก้างปลาชนิดใดมากที่สุด แต่จากประสบการณ์ที่เจอมักจะเป็นปลาทู คงเป็นเพราะประชาชนนิยมบริโภคมากก็เป็นได้ ปลาอื่น ๆ ก็มีมาให้เห็นเหมือนกันแต่ค่อนข้างน้อย

คนไข้ที่มาหาหมอส่วนมาก ก้างปลาติดคอมา 2-3 วันแล้ว ที่ติดคอปุ๊บมาหาหมอทันทีจะน้อย ส่วนใหญ่จะรู้วิธีว่า ต้องดื่มน้ำมาก ๆ หรือกลืนข้าวคำโต ๆ ในบางรายก็ใช้ได้ผล เนื่องจากก้างปลาปักอยู่บริเวณตื้น ๆ พอกลืนข้าวก้างก็ติดลงไปกระเพาะ อาหาร สามารถขับถ่ายออกมาทางอุจจาระ แต่ถ้าก้างปักลึก การกลืนข้าวคำโต ๆ อาจไปกดก้างให้ปักลึกกว่าเดิม ดังนั้นในรายที่อาการไม่ดีขึ้นจึงมาหาหมอ
เราไม่เคยนับสถิติจำนวนคนไข้ในแต่ละปี แต่ที่ รพ.ศิริราช น่าจะมีคนไข้ประมาณ 2-3 รายต่อวัน ส่วนใหญ่มักจะมาตอนกลางคืนที่แผนกอุบัติเหตุ หมอทั่วไปตรวจดูแล้วไม่พบก้างปลา ก็จะมาปรึกษาหมอหู คอ จมูก
อาการคนไข้ก้างปลาติดคอ คือ เจ็บคอ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บ ส่วนใหญ่คนไข้จะชี้บอกได้เลยว่า เจ็บตรงไหน บวกกับการซักประวัติ ว่าไปทานแกงปลา ปลาทอด กลืนน้ำลายก็เจ็บทุกครั้ง อันนี้เป็นครูที่จะบอกว่ามีปัญหาก้างปลาติดคอ
คนไข้บางรายปล่อยทิ้งไว้นาน อาจมาด้วยอาการอักเสบ ติดเชื้อ มีหนอง ในช่องคอ โดยเฉพาะถ้าก้างปลาติดที่หลอดอาหาร ทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจจะทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังของหลอดอาหาร จนเกิดการทะลุของหลอดอาหาร เกิดการอักเสบติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มระหว่างหัวใจและช่องปอดได้ แต่พบได้น้อย

ตำแหน่งที่พบก้างปลาติดบ่อย คือ บริเวณต่อมทอนซิล บริเวณโคนลิ้น บริเวณฝาปิดกล่องเสียง บริเวณใกล้หลอดรูเปิดทางเดินอาหาร แพทย์หู คอ จมูก จะใช้กระจกเล็ก ๆ เหมือนกับหมอฟัน สวมเฮดไลต์ ที่ศีรษะ ส่องตรวจดู ส่วนใหญ่จะเจอ ก็ใช้อุปกรณ์คีบออกมา
ในบางรายก้างปลาอยู่ลึก คนไข้อาเจียนง่าย ไม่สามารถเอาก้างออกได้ จะพ่นยาชา ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วพยายามอีกที ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ทำอย่างไรก็ไม่ออก อาจต้องดมยาสลบ ให้คนไข้นอนแล้วลองดูอีกที แต่ส่วนใหญ่จะสามารถเอาก้างออกได้ที่ห้องตรวจเลย ที่ต้องดมยาสลบมีน้อยรายมาก

ก้างปลาติดคอทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่? ผศ.นพ.ปารยะ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ ที่เจอมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง คือ เจอปักอยู่ที่หลอดอาหารแล้วทะลุออกมาที่คอ เนื่องจากก้างปลาเป็นวัสดุแปลกปลอม ร่างกายจะผลักมันออกมา บางคนทะลุหลอดอาหารมาถึงผิวหนังที่คอก็มี


มีคำแนะนำให้ฝานมะนาวเป็นชิ้น ๆ นำมาอม หรือ บีบน้ำมะนาวลงคอ? ผศ.นพ.ปารยะ กล่าวว่า สมัยก่อนเชื่อว่ามะนาวจะทำให้ก้างอ่อนลง แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ก็พูดลำบาก เพราะถ้าก้างปลามีแคลเซียมเยอะ ก็คงยากที่มะนาวจะกัดกร่อนหรือสลายไปได้

ท้ายนี้ขอแนะนำว่า การกินปลาทุกครั้งควรมีสติ คือ เอาก้างออกก่อน แล้วกินช้า ๆ ค่อย ๆ เคี้ยว ค่อย ๆ กลืน เพราะจากที่เคยสอบถามคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะกินไปคุยไป ไม่ทันได้ดูว่าปลาที่ตักใส่ปากมีก้างหรือไม่ พอรีบเคี้ยวรีบกลืนก็เลยทำให้ก้างติดคอ.



+แมวกินปลา ทำไมก้างปลาไม่ติดคอ

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ก้างปลา ติดคอ ทำไงดี ?







ใครที่เคยมีประสบการณ์ “ก้างปลา” ติดคอ คงจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี ว่า การกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นอย่างไร แค่จะกลืนน้ำลายตัวเองสุดแสนจะทรมาน บางรายโชคดี ใช้วิธีดื่มน้ำเยอะ ๆ หรือ กลืนข้าวคำโต ๆ แล้วได้ผล แต่หลายคนใช้สารพัดวิธีก็ไม่หาย สุดท้ายต้องโร่ไปให้หมอช่วยเอาออกก็เยอะ
ดังนั้นเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ผู้เขียนจึงมาสัมภาษณ์ ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน สาขาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ผศ. นพ.ปารยะ อธิบาย ว่า ก้างปลาติดคอพบได้ทุกช่วงอายุ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการศึกษาว่าเป็นช่วงอายุใดมากที่สุด และเป็นก้างปลาชนิดใดมากที่สุด แต่จากประสบการณ์ที่เจอมักจะเป็นปลาทู คงเป็นเพราะประชาชนนิยมบริโภคมากก็เป็นได้ ปลาอื่น ๆ ก็มีมาให้เห็นเหมือนกันแต่ค่อนข้างน้อย

คนไข้ที่มาหาหมอส่วน มาก ก้างปลาติดคอมา 2-3 วันแล้ว ที่ติดคอปุ๊บมาหาหมอทันทีจะน้อย ส่วนใหญ่จะรู้วิธีว่า ต้องดื่มน้ำมาก ๆ หรือกลืนข้าวคำโต ๆ ในบางรายก็ใช้ได้ผล เนื่องจากก้างปลาปักอยู่บริเวณตื้น ๆ พอกลืนข้าวก้างก็ติดลงไปกระเพาะ อาหาร สามารถขับถ่ายออกมาทางอุจจาระ แต่ถ้าก้างปักลึก การกลืนข้าวคำโต ๆ อาจไปกดก้างให้ปักลึกกว่าเดิม ดังนั้นในรายที่อาการไม่ดีขึ้นจึงมาหาหมอ

เราไม่เคยนับสถิติ จำนวนคนไข้ในแต่ละปี แต่ที่ รพ.ศิริราช น่าจะมีคนไข้ประมาณ 2-3 รายต่อวัน ส่วนใหญ่มักจะมาตอนกลางคืนที่แผนกอุบัติเหตุ หมอทั่วไปตรวจดูแล้วไม่พบก้างปลา ก็จะมาปรึกษาหมอหู คอ จมูก

อาการ คนไข้ก้างปลาติดคอ คือ เจ็บคอ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บ ส่วนใหญ่คนไข้จะชี้บอกได้เลยว่า เจ็บตรงไหน บวกกับการซักประวัติ ว่าไปทานแกงปลา ปลาทอด กลืนน้ำลายก็เจ็บทุกครั้ง อันนี้เป็นครูที่จะบอกว่ามีปัญหาก้างปลาติดคอ

คนไข้บางรายปล่อย ทิ้งไว้นาน อาจมาด้วยอาการอักเสบ ติดเชื้อ มีหนอง ในช่องคอ โดยเฉพาะถ้าก้างปลาติดที่หลอดอาหาร ทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจจะทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังของหลอดอาหาร จนเกิดการทะลุของหลอดอาหาร เกิดการอักเสบติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มระหว่างหัวใจและช่องปอดได้ แต่พบได้น้อย

ตำแหน่งที่พบก้างปลาติดบ่อย คือ บริเวณต่อมทอนซิล บริเวณโคนลิ้น บริเวณฝาปิดกล่องเสียง บริเวณใกล้หลอดรูเปิดทางเดินอาหาร แพทย์หู คอ จมูก จะใช้กระจกเล็ก ๆ เหมือนกับหมอฟัน สวมเฮดไลต์ ที่ศีรษะ ส่องตรวจดู ส่วนใหญ่จะเจอ ก็ใช้อุปกรณ์คีบออกมา

ในบางรายก้างปลา อยู่ลึก คนไข้อาเจียนง่าย ไม่สามารถเอาก้างออกได้ จะพ่นยาชา ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วพยายามอีกที ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ทำอย่างไรก็ไม่ออก อาจต้องดมยาสลบ ให้คนไข้นอนแล้วลองดูอีกที แต่ส่วนใหญ่จะสามารถเอาก้างออกได้ที่ห้องตรวจเลย ที่ต้องดมยาสลบมีน้อยรายมาก

ก้างปลาติดคอทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่ ? ผศ.นพ.ปารยะ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ ที่เจอมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง คือ เจอปักอยู่ที่หลอด

อาหารแล้วทะลุออกมาที่คอ เนื่องจากก้างปลาเป็นวัสดุแปลกปลอม ร่างกายจะผลักมันออกมา บางคนทะลุหลอดอาหารมาถึงผิวหนังที่คอก็มี

มีคำแนะนำให้ฝานมะนาวเป็นชิ้น ๆ นำมาอม หรือ บีบน้ำมะนาวลงคอ ? ผศ.นพ.ปารยะ กล่าวว่า สมัยก่อนเชื่อว่ามะนาวจะทำให้ก้างอ่อนลง แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ก็พูดลำบาก เพราะถ้าก้างปลามีแคลเซียมเยอะ ก็คงยากที่มะนาวจะกัดกร่อนหรือสลายไปได้

ท้ายนี้ขอแนะนำว่า การกินปลาทุกครั้งควรมีสติ คือ เอาก้างออกก่อน แล้วกินช้า ๆ ค่อย ๆ เคี้ยว ค่อย ๆ กลืน เพราะจากที่เคยสอบถามคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะกินไปคุยไป ไม่ทันได้ดูว่าปลาที่ตักใส่ปากมีก้างหรือไม่ พอรีบเคี้ยวรีบกลืนก็เลยทำให้ก้างติดคอ.
บันทึก #2 9 ธ.ค. 2552, 22:45:38
อ้างอิง...http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_05892.php
บันทึก #3 9 ธ.ค. 2552, 22:51:06
ตอนเด็กๆ ผมเคยกระดูกเป็ดติดคอ แม่พาไปหาหมอ โดนด่าเละเลย การกินก็ต้องมีสติเช่นกัน ^^


วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีแก้ก้างปลาติดคอ


 




  1.บีบมะนาวลงคอ หรือฝานมะนาวเป็นชิ้น แล้วนำมาอมจนหมดรสเปรี้ยว ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง เชื่อว่ากรดมะนาวจะทำให้ก้างปลานุ่มลงได้


   2.นำเมล็ดและรากของต้นเทียน ซึ่งโบราณระบุว่ามีสรรพคุณสลายกระดูก นำมาตำให้ละเอียดแล้วกลืน (แต่ต้องระวังอย่าให้โดนฟันและห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์)


   3.ปั้นข้าวสุกอุ่นๆ โตประมาณหัวแม่เท้า (ไม่ใช่ปั้นด้วยหัวแม่เท้านะครับ...ฮา) ปั้นให้แน่นๆ แล้วกลืนลงไปทั้งก้อนโดยไม่ต้องเคี้ยว ก้อนข้าวจะพาก้างที่ติดคอลงไป ถ้าก้อนแรกไม่หาย ให้ลองอีก 2 ก้อน (แต่ไม่ได้บอกต่อว่าถ้าก้อนที่ 3 ไม่หายต้องทำไงต่อแฮะ)




        * ทั้ง 3 วิธี ล้วนแล้วแต่เป็นการปฏิบัติที่บอกเล่าสืบต่อกันมา ปากต่อปาก ยังไม่ได้รับการรับรองผลหรือพิสูจน์ทางการแพทย์แต่อย่างใดนะครับ อย่างไรก็ตามแพทย์หู-คอ-จมูกบางท่านยังมีความเห็นขัดแย้งว่าการกลืนก้อนข้าวคำใหญ่ๆนั้น อาจยิ่งทำให้ก้างตำลึกลงไปในเนื้อเยื่อได้มากขึ้น ถ้าติดอยู่นานวันเข้าอาจทำให้มีอาการอักเสบติดเชื่อเป็นหนองได้  ส่วนการใช้น้ำมะนาวหรือมะนาวผ่าซีกเพื่อสลายก้างปลานั้น ก็ยังมีผู้โต้แย้งว่า ก้างปลาเป็นกระดูกแข็งมีส่วนประกอบหลักเป็น"แคลเซียม" ซึ่งไม่สามารถทำให้อ่อนนิ่มหรือย่อยสลายได้ด้วยกรดผลไม้





         ความเห็นส่วนตัว คิดว่าลถ้าเป็นก้างปลาขนาดเล็กๆ ลองวิธีโบราณดูไม่น่าเสียหาย ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรครับ เพราะหลายๆครั้งที่ก้างปลาติดคอผมก็ลองใช้วิธีที่ 1 กับวิธีที่ 3 บางครั้งก็ได้ผล แต่บางครั้งเวลาผ่านไป 2-3 วัน อาการปวดมันก็หายไปเองได้ ผมเชื่อว่าเป็นเพราะร่างกายของเราวมันมีวิธีจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาได้เสมอ แต่ถ้าก้างปลาขนาดใหญ่มีอาการเจ็บมากจริงๆ ก็ควรไปพบแพทย์จะดีกว่าครับ



โดย เภสัชป้อม